วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

culture shock สำเนียงภาษาเขมร

ตอนพาเด็กๆ ไปเที่ยวกัมพูชาแล้วยืมแกร่วอยู่แถวๆ ด่าน ตม. เขมรที่ปอยเปตเพื่อรอรถมารับนั้น ก็มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างแวะเวียนมาถามเผื่อใช้บริการแล้วก็นั่งคุยกันเจาะแจ๊ะอยู่ใกล้ๆ บนมอเตอร์ไซค์ของพวกเขา

เด็กๆ ก็ยืนฟังกันโดยไม่สนใจ เวลาผ่านไปครู่หนึ่งเด็กคนหนึ่งก็ตกใจที่รู้ว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างเหล่านั้นพูดภาษาเขมรกัน นึกว่าพูดกันเป็นภาษาเวียดนาม ท่าทางเด็กประหลาดใจมาก ถึงแม้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นเขมรสุรินทร์และเรียนเอกภาษาเขมรก็ตาม รวมทั้งเคยเจออาจารย์ที่มาจากพนมเปญด้วย

เด็กคนนั้นเข้าใจว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างเหล่านั้นคุยกันด้วยภาษาเวียดนามเพราะว่าสำเนียงในกัมพูชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพนมเปญนั้นมีลักษณะแตกต่างจากภาษาเขมรสุรินทร์ที่คุ้นชินหลายๆ ประการ โดยเฉพะภาษาพูด

และก็มากพอขนาดที่คนเรียนภาษาเขมรมาแล้วยังไม่สามารถจับได้ แล้วดันนึกว่าเป็นภาษาเวียดนามไปซะ ส่วนภาษาของอาจารย์ที่มาจากพนมเปญก็จะมีสำเนียงภาษาพูดอีกแบบหนึ่งซึ่งเป็นทางการ และยังคงมีความแตกต่างจากภาษาของมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

ก็เลยบอกไปว่า ตอนข้าพเจ้าไปเหยียบพนมเปญวันแรก แล้วเขาพาเข้าไปซื้อของในตลาดสดนั้น ได้ยินแม่ค้าคุยกันยังนึกว่าคุยกันเป็นภาษาเวียดนามเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ตัวเราก็เขมรสุรินทร์เช่นกัน

ความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างข้าพเจ้ากับเด็กคนนั้นคือ ข้าพเจ้ามีพื้นเรียนเอกภาษาไทยและเคยเรียนภาษาเขมรมาตัวเดียวในชื่อวิชาภาษาเขมรในภาษาไทย ส่วนเด็กคนนี้เรียนเอกภาษาเขมรและเคยเจออาจารย์ที่มาจากพนมเปญมาแล้ว

ยังไม่นับอาจารย์สอนภาษาเขมรอีกสองสามคนที่มีพื้นมาจากอีสานใต้แล้วพยายามปรับสำเนียงตัวเองให้เป็นเขมรมาตรฐานแบบได้บ้างไม่ได้บ้าง มั่วบ้าง (ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในนั้น) ซึ่งไม่ตำหนิเพราะการปรับสำเนียงให้เป็นอื่นนั้นเป็นงานช้าง ลองไปดูครูสอนภาษาอังกฤษทั่วประเทศไทยเอาเถอะว่าสำเนียงเป็นฝรั่งกันแค่ไหน

ประเด็นอีกอย่างคือภาษาเขียนและมาตรฐานที่เรียนกันในห้องเรียนนั้นมันแตกต่างจากภาษาพูดของชาวบ้านชาวช่องพอสมควร เลยทำให้ฟังครั้งแรกในชีวิตเมื่อเจอของจริงแล้วไพล่เข้าใจไปว่าเป็นภาษาเวียดนาม

เออ แล้วทำไมต้องลากไปหาภาษาเวียดนาม ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าและเด็กคนนั้นไม่รู้ภาษาเวียดนาม อาจเป็นเพราะหนึ่งลักษณะบางประการที่จับได้มันคงไม่ใช่ภาษาจีนที่เคยพอเคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง แล้วสำเนียงพยางค์เดียวโดดๆ มีเสียงสูงๆ ต่ำๆ ภาษาแถวๆ นี้ก็มีเวียดนาม ดังนั้นจึงสันนิษฐานไปว่าน่าจะเป็นเวียดนาม

แล้วแม่ค้าในตลาดพนมเปญที่ข้าพเจ้าเจอตอนนั้นก็ขาวๆ กันจึงดูเหมือนเวียดนามไปกันใหญ่ แต่พวกมอเตอร์ไซค์รับจ้างตรงปอยเปตก็มิได้ขาวดุจไข่ปอก ดังนั้นสำเนียงพูดจึงน่าเป็นข้อมูลหลักในการคาดเดา

แต่ไม่แน่ใจว่า หลังจากจับได้ว่าคุยภาษาเขมรกันแล้วไม่ทราบว่าเด็กคนนั้นจะล้างหูแล้ว พยายามจับได้ไหมว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างเหล่านั้นคุยว่าอะไรกันบ้าง น่าสนใจนะ

สรุปว่าการเรียนรู้ในห้องเรียนอย่างเดียวก็คงไม่พอ ควรต้องได้สัมผัสของจริงด้วยเท่าที่จะหาโอกาสได้ สุดท้ายนี้อยากให้ผู้บริหารมาอ่านเจอจังเลย เผื่อจะอนุมัติโครงการต่างๆ ได้ง่ายขึ้นในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น: